แถลงการณ์ต่อการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 13 กรุงอาบูดาบี
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567
องค์การการค้าโลก (WTO) จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 13 (MC13) ณ กรุงอาบูดาบี ระหว่างวันที่ 26-29 กุมภาพันธ์ 2567 ในขณะเดียวกับที่การประท้วงของชาวนาเกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา เกษตรกรกว่า 65 ประเทศทั่วโลกจัดการชุมนุม ทั้งในแอฟริกา ยุโรป และละตินอเมริกา ในเอเชีย มีการระดมพลของชาวนามากกว่า 10 ประเทศในช่วงก่อนการประชุมสี่วัน โดยการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนและรัฐมนตรีจาก 164 ประเทศจะหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านการประมง เกษตรกรรม และการค้าดิจิทัล
ในเกาหลีใต้ รัฐบาลตกอยู่ใต้คำวิจารณ์จากกลุ่มเกษตรกรเนื่องจากนโยบายลดกำแพงภาษีซึ่งส่งผลให้สินค้าเกษตรราคาถูกหลั่งไหลเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก เกษตรกรได้โต้แย้งให้รัฐบาลทำการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงปกป้องตลาดภายในประเทศจากการนำเข้าสินค้าเกษตรราคาถูก เพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านอาหารผ่านการรักษาเสถียรภาพการจัดการข้าวและนโยบายปรับปรุงการผลิต สำหรับ ศรีลังกาซึ่งเผชิญกับปัญหาหนี้สินและวิกฤตเศรษฐกิจหลายด้าน รัฐบาลก็ยังคงดำเนินการนำเข้าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ กลุ่มเกษตรกรในศรีลังกาจึงเดินหน้าผลักดันข้อเรียกร้องเรื่องการประกันราคา เร่งรัดให้รัฐจัดทำนโยบายการตลาดและการเก็บรักษาข้าวเปลือกที่ถูกละเลย
ในอินเดีย เกษตรกรหลายหมื่นคนได้เดินขบวนไปยังนิวเดลีซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอีกครั้ง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อการผิดสัญญา รวมถึงความสามารถที่จะรักษาผลประโยชน์ของภาคเกษตรกรรมอินเดียใน WTO ทั้งนี้ วิกฤตเกษตรกรรมของอินเดียทวีความรุนแรงอย่างยิ่ง รายงานน่าสลดใจระบุว่าในปี 2566 มีเกษตรกรฆ่าตัวตายทุก ๆ ชั่วโมง โดยกลุ่ม Samyukth Kisan Morcha (แนวร่วมชาวนา) ซึ่งเป็นผู้นำการประท้วง เรียกร้องให้การประกาศราคารับซื้อขั้นต่ำ (remunerative prices) เป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างถาวรใน WTO เพื่อแก้ปัญหาความสามารถของอินเดียในการรักษาโครงการการสต็อกอาหารร่วมเพื่อความมั่นคงทางอาหาร (public food stockholding programme)
อินโดนีเซียยังเผชิญกับการนำเข้าข้าวจำนวนมากในช่วงต้นปี 2567 ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคม สหภาพชาวนาอินโดนีเซียได้ออกมาชุมนุมบนท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้รัฐหยุดนโยบายการนำเข้าที่ทำให้ราคารับซื้อหน้าแปลงตกต่ำลง ซ้ำเติมให้เกษตรกรล้มละลาย นอกจากนี้ เกษตรกรในเนปาลประท้วงว่าพวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับการนำเข้าผักจากอินเดียได้ ในฟิลิปปินส์ ไทย และญี่ปุ่น เกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลออกนโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขา
นอกเหนือจากการประท้วงของเกษตรกรแล้ว แรงงานภาคประมงและชาวประมงพื้นบ้านก็จัดการประท้วงทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อต่อสู้กับการสูญเสียวิถีการดำรงชีวิต ทรัพยากรปลาที่ลดลงอย่างมาก การนำเข้าสินค้าประมง และการโอนกรรมสิทธิพื้นที่ชายฝั่งทะเลให้เอกชนผ่านโครงการต่างๆ เช่น เศรษฐกิจสีฟ้า (Blue Economy) โครงการทวงคืนพื้นที่ทางทะเลขนาดใหญ่ และเหมืองทะเลลึก โดยชุมชนชาวประมงได้จัดตั้งศาลประชาชนในปี 2565 เพื่อตอบโต้การยึดครองมหาสมุทรของบรรษัท มีการชี้ประเด็นต่างๆ เช่น การยึดพื้นที่มหาสมุทร อันตรายของอุตสาหกรรมถลุงทรัพยากร และการผ่อนคลายกฎระเบียบของการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกองเรือประมงและโรงงานปลาป่นจากต่างแดน
แม้ว่ารัฐบาลจากประเทศซีกโลกใต้ยังไม่สามารถตอบสนองต่อวิกฤติที่แพร่หลายและการประท้วงในประเทศบ้านเกิดของตน ซึ่งต่างก็เกิดจากการนำนโยบายการค้าเสรีและการลงทุนมาใช้อย่างมีข้อบกพร่อง ถึงกระนั้น รัฐบาลเหล่านี้ก็จะยังคงทำตัวเป็นช้างเท้าหลังในการประชุม WTO MC13 ทั้งนี้ นับตั้งแต่ WTO ก่อตั้งเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว หรือในปี พ.ศ. 2538 ประเทศกำลังพัฒนาต่างตกเป็นฝ่ายตั้งรับในการเจรจา WTO ทุกด้าน ยกเว้นชัยชนะอันดุเดือดเพียงไม่กี่ครั้งในการประชุมที่ซีแอตเทิล (พ.ศ. 2542) และเมืองแคนคูน (พ.ศ. 2546)
ในอาบูดาบี มีบทพูดที่คุ้นเคยเกิดขึ้นอีกครั้งในขณะที่ WTO ซึ่งเต็มไปด้วยวิกฤต พยายามที่จะผลักดันวาระการเปิดเสรีการค้าที่มีข้อบกพร่องและล้าสมัยในด้านต่างๆ เช่น การอุดหนุนการประมง เกษตรกรรม และการบริการ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวทีของการค้าดิจิทัล)
ในช่วงปีแรกๆ ข้อตกลงด้านการเกษตร (AoA) ของ WTO ถูกท้าทายจากภายในโดยแนวร่วมของประเทศกำลังพัฒนา เช่น G20 และ G33 ในปี 2546 กลุ่มพันธมิตร G20 นำโดยบราซิลและอินเดียเน้นย้ำประเด็นการเข้าถึงตลาดสำหรับประเทศกำลังพัฒนา และโจมตีการสนับสนุนภายในประเทศและการอุดหนุนการส่งออกในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่วาระทั้งสองนี้กลับกลายเป็นภาพลวงตา ประสบการณ์ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วยังคงเพิ่มเงินอุดหนุนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจการเกษตรของตน และวาระการเข้าถึงตลาดสำหรับประเทศกำลังพัฒนายังมีข้อบกพร่องและสร้างความแตกแยกให้กับประเทศซีกโลกใต้ การล่มสลายของกลุ่มพันธมิตร G20 ใน WTO หลังปี 2547 ได้ตอกย้ำความขัดแย้งดังกล่าว กลุ่มพันธมิตร G33 ซึ่งนำโดยอินโดนีเซียและอินเดียกระตุ้นให้มีการสนับสนุนกลไกการคุ้มครองพิเศษและผลิตภัณฑ์พิเศษ เพื่อประกันความมั่นคงทางอาหารและการปกป้องวิถีการดำรงชีวิตในชนบท ตั้งแต่ปี 2013 พวกเขายังได้ผลักดันให้มีแนวทางแก้ไขอย่างถาวรเพื่อหยุดการโจมตีโครงการสต็อกอาหารร่วมเพื่อความมั่นคงทางอาหารในประเทศกำลังพัฒนา แม้ว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับความสนใจจากประเทศสำคัญๆ ในแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา แต่ประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ก็ยังต่อต้านอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะขัดขวางความพยายามในการบรรลุเป้าหมายนี้ในอาบูดาบีอีกครั้ง
ด้านการประมง แม้ว่าองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จะเป็นพื้นที่ที่ก่อตั้งขึ้นอย่างยาวนานเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืน แต่การเจรจาเรื่องเงินอุดหนุนครั้งใหม่ก็ยังคงถูกยัดเยียดกับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่การประชุมรัฐมนตรีรอบโดฮา พ.ศ. 2544 กรณีนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า ประเทศกำลังพัฒนาได้ให้ข้อเสนอยาวนานกว่า 20 ปี ให้กองเรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในซีกโลกเหนือถูกควบคุม และต้องมีการปฏิบัติเป็นพิเศษและแตกต่างสำหรับชาวประมงรายย่อยในซีกโลกใต้ รวมถึงมีพื้นที่ทางนโยบายเพื่อปกป้องวิถีความเป็นอยู่ของภาคประมงแบบดั้งเดิมไว้ ในทางกลับกัน WTO กลับมีข้อตกลงเงินอุดหนุนการประมงปี 2566 ที่เหลื่อมล้ำและมีข้อบกพร่อง โดยคุ้มครองเงินอุดหนุนการประมงของบรรษัท และให้มีการปฏิบัติแบบพิเศษและแตกต่างสำหรับประเทศซีกโลกเหนือ
เป็นเวลากว่าสามทศวรรษ แทนที่ WTO จะผลักดันประเด็นพื้นฐานที่ชาวนาและชุมชนประมงต้องเผชิญ นักเจรจาการค้าจากซีกโลกใต้กลับติดกับตรรกะการเข้าถึงตลาดและการให้เงินอุดหนุนผ่านข้อตกลงของ WTO เรื่องน่าขันเหล่านี้จะต้องยุติลงเนื่องจากการค้าเสรีและข้อตกลงของ WTO นับจนถึงขณะนี้มีเพื่อทำลายความเป็นอยู่ของชาวนา ชาวประมง และคนงานหลายร้อยล้านคนในซีกโลกใต้เท่านั้น
หนทางข้างหน้าสำหรับซีกโลกใต้คือ เส้นทางที่มิใช่ WTO ประเทศกำลังพัฒนาไม่ควรดำเนินการเจรจาใดๆ เพิ่มเติม และหันไปสร้างความเข้มแข็งให้กับการสร้างเวทีประชาธิปไตยในกลไกสหประชาชาติ เช่น UNCTAD เพื่อส่งเสริมข้อตกลงพหุภาคีที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง สร้างความร่วมมือ การพัฒนาที่ยั่งยืน และความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรของตน กรอบการค้าใหม่ระดับโลกที่อิงตามหลักการอธิปไตยทางอาหาร ความยุติธรรมทางสังคม ความสมานฉันท์และความเป็นสากล ต้องกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าที่เคย
องค์กรที่ลงนามสนับสนุนแถลงการณ์:
- Alyansa Tigil Mina — ATM (Philippines)
- All Nepal Peasants Federation — ANPFa, La Via Campesina (Nepal)
- Aniban ng mga Manggagawa sa Agrikultura — AMA (Philippines)
- Assembly of the Poor, La Via Campesina (Thailand)
- Bangladesh Agricultural Farm Labour Federation — BAFLF, La Via Campesina (Bangladesh)
- Bhartiya Kisan Union —- BKU, La Via Campesina (India)
- Bukluran ng Manggagawang Pilipinas — BMP (Philippines)
- Cholistan Development Council (Pakistan)
- Crofter Foundation (Pakistan)
- Dakila — Philippine Collective for Modern Heroism (Philippines)
- Ekologi Maritim Indonesia (Indonesia)
- FIAN (Indonesia)
- Focus on the Global South (Thailand, Philippines, Cambodia and India)
- Food Sovereignty Alliance (India)
- Franciscan Sisters of the Immaculate Conception (Philippines)
- Harri Jadojehad Committee (Pakistan)
- Hints/Sahita Institute (Indonesia)
- In Defense of Human Rights and Dignity Movement — iDEFEND (Philippines)
- Indian Coordination Committee of Farmers Movements — ICCFM, La Via Campesina (India)
- Indian Social Action Forum — INSAF (India)
- Indonesia Traditional Fisherfolk Union — KNTI (Indonesia)
- Integrated Rural Development Foundation — IRDF (Philippines)
- Ka Tribu ug ang Lasang (Philippines)
- Karnataka Rajya Raitha Sangha and Hasiru Sene — KRRS, La Via Campesina (India)
- Kilusan para sa Repormang Agraryo at Katarungang Panlipunan — KATARUNGAN (Philippines)
- Kissan Karkeela Organisation (Pakistan)
- Korean Peasants League, La Via Campesina (South Korea)
- Korean Peasant Women Association, La Via Campesina (South Korea)
- Labour Education Foundation (Pakistan)
- Lilak, Purple Action for Indigenous Women’s Rights — LILAK (Philippines)
- Movement for Land and Agricultural Reform — MONLAR, La Via Campesina (Sri Lanka)
- Nagkakaisang Magsasaka ng Gitnang Luzon — NMGL (Philippines)
- Oriang (Philippines)
- Pambansang Katipunan ng mga Samahan sa Kanayunan — PKSK (Philippines)
- Pambansang Koalisyon ng Kababaihan sa Kanayunan — PKKK (Philippines)
- PARAGOS Pilipinas, La Via Campesina (Philippines)
- Partido Lakas ng Masa — PLM (Philippines)
- Partido Manggagawa — PM (Philippines)
- Pakistan Kissan Rabita Committee, La Via Campesina (Pakistan)
- People’s Democracy Movement of Thailand – PDMT (Thailand)
- People’s Development Institute — PDI (Philippines)
- Philippine Alliance of Human Rights Advocates — PAHRA (Philippines)
- National Fisheries Solidarity Movement — NAFSO (Sri Lanka)
- Pagkakaisa ng mga Samahan ng Mangingisda PANGISDA-Pilipinas (Philippines)
- Rural Initiatives for Community and Ecology Association – RICE (Sri Lanka)
- SANLAKAS (Philippines)
- Sentro ng Nagkakaisa at Progresibong Manggagawa — SENTRO ( Philippines)
- Serikat Petani Indonesia, La Via Campesina (Indonesia)
- Southern Peasants’ Federation of Thailand – SPFT (Thailand)
- Tambuyog Development Center (Philippines)
- Tameer e Nou Women Workers Organisation (Pakistan)
- Thamizhaga Vivasayigal Sangam — TVS, La Via Campesina (India)
- The People’s Coalition for Fisheries Justice – KIARA (Indonesia)
- Transnational Institute — TNI (International)
- Trade Justice Pilipinas (Philippines )
- United Broiler Raiser’s Association — UBRA (Philippines)
- Vivasayigal Thozhilalargal Munnetra Sangam — VTMS (India)
- WomanHealth (Philippines)